วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

รักใดเล่าจะเท่ารักของแม่… หญิงชรา 96 ดูแลลูกป่วยอัมพาตกว่า 20 ปี




คุณแม่จังวัย 96 ปี แม้หลังโก่งผิวหนังเหี่ยวย่น แต่ไม่เคยท้อแท้ ด้วยรักที่เปี่ยมล้นดูแลบุตรชายอัมพาตมานานกว่า 20 ปี
     เพียงอุ้มท้องบุตร 9 เดือนก็หนักหนาคณานัปแล้ว แต่คุณแม่แซ่จังวัย 96 ปีผู้นี้ ยังต้องใช้เวลาบั้นปลายชีวิตไปกับการดูแลปฐมพยาบาลบุตรชายที่เป็นอัมพาตวัย 59 ปี เป็นเวลานานกว่า 20 ปี ในบ้านเก่า ๆ เมืองปั๋วโจว มณฑลอานฮุย
ทศวรรษ 1970 นายซีว์ เฉวียนอี้ ผู้เป็นลูกเริ่มมีอาการทางประสาท และในปี 1992 เขาก็สูญเสียความสามารถ กลายเป็นอัมพาต พูดไม่ได้ ภาระการดูแลทั้งหมดจึงตกสู่มารดาผู้ชราภาพ
มีนักธุรกิจเซี่ยงไฮ้ต้องการจะบริจาคเงินให้ 100,000 หยวน แต่คุณแม่จังปฏิเสธ ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี คุณแม่ยังพอมีเรี่ยวแรงดูแลลูก และขอใช้เงินสงเคราะห์จากรัฐบาลเพียงเดือนละ 340 หยวนเท่านั้น

ถึงเวลาทำความสะอาด แม่จังจะหยิบผ้าชุบน้ำบิดพอหมาด ๆ เช็ดตัวให้ลูกชาย

คุณแม่จังเล่าเรื่องราวความเป็นมาของบุตรชายที่เป็นอัมพาตมานานให้นักข่าวฟัง


แม่จังบรรจงเช็ดตัวให้ลูกชาย อาจจะไม่คล่องแคล่วเพราะแม่แก่มากแล้ว

ใน ห้องธรรมดา กับชีวิตของผู้เฒ่าธรรมดา แต่คุณค่าความรักนั้นยิ่งใหญ่นัก คุณแม่จังตระเตรียมเสื้อผ้าให้ลูกชายสวมใส่หลังเช็ดตัวเสร็จ… กิจวัตรเหล่านี้ดำเนินไปทุกวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

รักของแม่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ น้ำตาจะไหล จริงๆๆนะ

เช้าวันที่ 18 กุมภาพันธ์รถยนต์สายคุนหน่ารัก-ลู่โจว(เมืองหนึ่งในมลฑลเสฉวน)ชนกับรถบรรทุก ที่ด่านเก็บเงินบนถนนซงไต้ผลปรากฎว่า มีผู้เสียชีวิตทันที 15คน บาดเจ็บ15คน รอดชีวิต18คน หนึ่งในผู้รอดชีวิตนั้นเป็นเด็กหญิงอายุไม่เกิน 1ขวบ
จากนั้น นักข่าวได้ไปเยี่ยมสองแม่ลูกที่โรงพยาบาล ก็พบว่าเด็กน้อยที่นอนอยู่ใกล้ๆแม่ที่ยังสลบอยู่ ร้องไห้ไม่หยุดมาเกือบชั่วโมงแล้ว นางพยาบาลก็มาจับมือที่เย็นเฉียบของหนูน้อยแล้วก็พูด เบาๆว่าสงสัยเด็กคงจะหิวนม
หลังจากผ่านไป2ชั่วโมง ดูเหมือนแม่จะรู้สึกตัวด้วยเสียงปลุกของลูกเสียแล้วแต่ไม่สามารถพูดหรือขยับ เขยือนได้ มีแต่เพียงน้ำตาที่ไหลออกมาจากตาเท่านั้น และพยายามบอกอะไรบางอย่างกับนักข่าว เมื่อเห็นเด็กที่ยังร้องไม่หยุด นักข่าวก็เข้าใจ”สาร” ที่แม่พยายามสื่อ
นักข่าวจึงอุ้มเด็กไปวางที่ผู้เป็นแม่ พอเด็กได้ดูดนมจากอกแม่ที่แสบอบอุนแล้ว ก็เงียบลงทันที และความกระวนกระวายใจของผู้เป็นแม่ก็ระงับลงไปด้วย นักข่าวและพยาบาลที่ยืนดูอยู่ ต่างก็ร้องไห้ไปตามๆกัน
จางหงหมิ่น ผู้เป็นแม่และลูกสาวคือ หยังหยัง เป็นสองในผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุคราวนั้น แต่จางหงหมิ่นในเวลานั้นยังอยู่ในขีดอันตราย เนื่องจากมีเลือดคลั่งในช่องท้องประมาณ600ม.ล. ขณะที่ หยังหยัง ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเนื่องจากแม่คอยกันไว้ แต่แม้ว่าชีวิตจะอยู่ในขีดอันตรายก็ไม่อาจขวางกั้น ความรักที่แม่มีต่อลูก ได้ …


วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

น้อยใจแฟนซื้อไอโฟนปลอมให้ โดดตึกฆ่าตัวตาย


               หญิงสาววัยประมาณ20ปีอยากใช้โทรศัพท์ไอโฟนเหมือนคนอื่น จึงขอให้แฟนหนุ่มซื้อให้ แต่ฝ่ายชายกลับซื้อโทรศัพท์ไอโฟนของปลอม หญิงสาวโกรธจัดจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย


               เพื่อนบ้านเล่าว่าหญิงสาวกับแฟนหนุ่มทั้งสองเป็นช่างตัดผม เมื่อคืนก่อน(4ก.ค.)เห็นทั้งสองทะเลาะกัน หญิงสาวตัดพ้อแฟนหนุ่มว่าไหนบอกเองว่ารักเธอ ทำไมโทรศัพท์แค่เครื่องเดียวซื้อให้ไม่ได้ ส่วนฝ่ายชายนั้นบอกว่าซื้อโทรศัพท์เครื่องละ1,000กว่าหยวน(5,000บาท)ให้แล้ว ก็ยังไม่พอใจ จะเอาไอโฟน หญิงสาวตอบไปว่าผู้หญิงคนอื่นก็ใช้กัน ทำไมเธอถึงไม่มี ฝ่ายชายส่ายหัวต่อว่าฝ่ายหญิงว่าโทรศัพท์ที่ซื้อให้ก็ถือว่าแพงแล้ว ราคาของไอโฟนเท่าเงินเดือนของเขาถึงสองเดือน หลังจากพูดหว่านล้อมดึงลากกันไปมา สุดท้ายทั้งสองก็ขึ้นลิฟท์กลับห้องพักไป จนกระทั่ง2วันต่อมามีชาวบ้านเห็นคนนั่งอยู่บนดาดฟ้า จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ ขึ้นมาพบว่าเป็นหญิงสาวคนดังกล่าว

            หลังจากที่หญิงสาวได้ยินเสียงชาวบ้านซุบซิบนินทากัน เธอร้องไห้ตะโกนตัดพ้อว่าแฟนหนุ่มโกหกเธอ เขาบอกเขาจะซื้อโทรศัพท์ให้ ตอนเช้าเขาก็เอาสมุดบัญชีไปด้วย บ่ายกลับมาก็ซื้อโทรศัพท์มาให้แล้วก็ออกไป ตอนนั้นฉันดีใจมาก แต่พอเปิดดูมันไม่ใช่ มันเป็นไอโฟนปลอม ฉันโทรหาเขาก็ไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบกลับ ฉันบอกเขาไปว่า ถ้าไม่กลับมา ฉันจะเก็บของออกจากที่นี่ ถ้าไม่รีบกลับมาตอนนี้ เขาจะเสียใจไปตลอดชีวิต

           เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังดังนั้นจึงโทรศัพท์หาฝ่ายชายว่าแฟนสาวของเธอจะฆ่า ตัวตาย ฝ่ายชายตกใจรีบมายังที่เกิดเหตุ ฝ่ายชายบอกกับหญิงสาวว่าจะไม่หลอกเธออีกแล้ว ถ้าเธออยากได้อะไรก็จะหามาให้ หญิงสาวยังอยู่ในอารมณ์โกรธด่าทอแฟนหนุ่มอยู่นานท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา อย่างหนัก ตกลงกันอยู่นานสุดท้ายหญิงสาวใจอ่อนลงมาจากดาดฟ้ากลับเข้าห้องพักไป

สยอง 'ปลากัดจู๋' โผล่ทะเลสาบมะกัน





















วันที่ 8 ก.ค. เดลี่เมล์รายงานกระแสวิตกกังวลของชาวบ้าน ในรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา หลังมีผู้พบ 'ปลาปาคู' ปลาต่างถิ่นนิสัยดุร้าย ส่งผลให้ผู้คนหวาดผวาไม่กล้าลงเล่นน้ำในทะเลสาบลู เยเกอร์
โดยชาวประมงจับปลาปาคูได้เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. และอีก 2 สัปดาห์ต่อมาก็มีผู้พบเห็นอีก ซึ่งชาวปาปัวนิวกินีเรียกปลาชนิดนี้ว่า 'ปลากัดไข่' เนื่องจากเคยมีเหตุชาวประมงถูกปลากัดอัณฑะจนขาด และเสียชีวิตในที่สุด

ด้านสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติประจำรัฐอิลลินอยส์ แจงว่า ปลาปาคูเป็นปลาในตระกูลเดียว กับปิรันยา แต่มีฟันที่หนาคล้ายฟันของมนุษย์ ต่างจากฟันของปิรันยาที่เป็นฟันเลื่อยและแหลมคม
และเชื่อว่าปลาปาคูในทะเลสาบ อาจถูกลักลอบนำมาปล่อย เพราะมันไม่ใช่ปลาในท้องถิ่น

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ปลุกเสก "ศพเดินได้" แห่งหมู่บ้าน Toraja


ศพเดินได้ พิธีกรรมแปลก ของ Toraja มาจากความเชื่อในอดีตที่เชื่อกันว่า คนที่ตายแล้วต้องถูกนำกลับไปฝังที่หมู่บ้านที่เกิด แต่เนื่องจากหมู่บ้านนั้นอยู่ไกลมาก ยากต่อการแบกศพในระยะทางดังกล่าว จึงมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งซึ่งมีคาถา ทำพิธีกรรม บูชายันต์ด้วยหัววัวควาย เรียกศพให้ลุก และเดินกลับสู่บ้านเกิดของตัวเองได้ ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ คล้ายกับการให้บริการขนศพในสมัยปัจจุบัน แต่ต่างกันตรงกระบวนการสุดลี้ลับ และความสยองอีกอย่างหนึ่ง ใครก็ตามที่ลบหลู่ พิธีกรรมแปลก พยายามจะแบกศพไปส่ง มีอันจะต้องล้มป่วยกลางทาง และไปไม่ถึงจุดหมาย!! 

ในภาพชาวบ้านกำลังทำ พิธี ศพเดินได้ ภาพที่เราเห็นอยู่นี้ ถูกตีแผ่ไปทั่ว เป็นภาพเหมือนศพหญิงสาว กำลังยืนอยู่ โดยมีชายข้างๆ ช่วยจับไว้เล็กน้อย มีข้อถกเถียงกันว่า ศพเดินได้ นี้ เป็นภาพที่แต่งขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ บ้างก็เชื่อว่าเป็นศพจริงๆ ซึ่งอาจเสียชีวิตด้วยโรคเรื้อน แม้ปัจจุบันถนนหนทางของ Toraja จะได้รับการปรับปรุงมากขึ้น แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังนิยมขนส่งศพด้วยการเสก ศพเดินได้ พิธีกรรมแปลก สุดเหลือเชื่อ!! (โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม)


วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ศธ. จัด 9 โครงการ ขับเคลื่อนการศึกษาไทย ปี 2555



         
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมกระทรวง ศึกษาธิการ ครั้งที่ 5/2554 เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ได้ฝากให้ผู้บริหารองค์กรหลักร่วมกันขับเคลื่อนการทำงานตามโครงการสำคัญของ ศธ. ที่จะดำเนินการในปี 2555 จำนวน 9 โครงการ ดังนี้

          1) ยุทธศาสตร์การจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งมอบให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เป็นผู้จัดทำร่างยุทธศาสตร์ดังกล่าว โดยให้มีการบูรณาการระหว่างโครงการสำคัญเร่งด่วน (Flagship) ทั้ง 2๐ โครงการ เข้ากับแผนยุทธศาสตร์ 2555 ของ ศธ. โดยจะนำเสนอให้นายกรัฐมนตรี รวมทั้งสาธารณชนได้รับทราบภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2555

          2) โครงการ "2555 ปีแห่งการรณรงค์พูดภาษาอังกฤษ" หรือ English Speaking Year 2012 ซึ่งได้กำหนดให้ภายใน 1 สัปดาห์ จะต้องมี 1 วันที่ครูและนักเรียนนักศึกษาได้ทำกิจกรรมและใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ผู้บริหารและบุคลากรใน ศธ.ควรดำเนินการเช่นเดียวกันด้วย โดยเริ่มต้นจากการสื่อสารหรือทักทายกันเป็นภาษาอังกฤษกันทุกๆ วันจันทร์

          3) การปรับปรุงพัฒนาโทรทัศน์เพื่อการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ETV

          4) การส่งแรงงานไทยไปทำงานในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นโครงการพิเศษร่วมกับออสเตรเลีย เพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานไทยและส่งไปทำงานที่ประเทศออสเตรเลียในด้านการก่อสร้าง น้ำมัน แก๊ส และอื่นๆ เพราะออสเตรเลียมีความต้องการแรงงานไทยมากกว่า 1 แสนคน

          5) คอมพิวเตอร์แท็บเล็ต ได้มีนำร่องการประยุกต์และบูรณาการคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตเพื่อการเรียนการสอนในระดับประถมศึกษาตามแนวนโยบายของรัฐบาล ใน 5 โรงเรียนทุกภูมิภาคแล้ว ล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์แท็บเล็ต ต่อ 1 นักเรียน รวมทั้งคณะอนุกรรมการด้านต่างๆ เช่น คณะอนุกรรมการด้านวิชาการ ด้านการสรรหาเครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต ด้านการประสานงานโครงข่ายเทคโนโลยีและการสื่อสารสารสนเทศ และด้านความเหมาะสมและความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูล

          6) การจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา ซึ่ง ศธ.ได้เห็นชอบหลักการในการจัดตั้งที่ยึดพื้นที่ (Area Based) เป็นหลัก โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเน้นการจัดตั้งแบบบูรณาการ ทั้งสถานศึกษาอาชีวศึกษาและวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อการศึกษาทั้งระบบ

          7) ศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน โดยเน้นทั้งระดับ กศน. และอาชีวศึกษา

          8) กองทุนตั้งตัวได้ ซึ่ง ศธ.จะเน้นการเชื่อมโยงกับวิสาหกิจในสถานศึกษา รองรับกับระบบศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน โดยเน้นร่วมกันพัฒนาและประสานเครือข่าย ให้เกิดการเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการ ธุรกิจนวัตกรรม การพัฒนาทักษะกลุ่มอาชีพหลัก โดย ศธ.จะเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการตามนโยบายนี้ ซึ่งถือเป็นโยบายสำคัญของรัฐบาล

          9) หลักสูตรพัฒนาศักยภาพ ซึ่งเป็นหลักสูตรใหม่ที่ สพฐ.ดำเนินการปรับปรุงร่วมกับมหาวิทยาลัย โดยจะใช้ในปีการศึกษา 2555 โดยจะได้บรรจุหลักสูตรใหม่ลงในคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตด้วย

วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

โปรโมชั่นเสริม เอาใจ ชาว" Dtac"


โปรโมชั่นเสริมแรกนี้ขอนำเสนอ!!! 
"แฮปปี้ซุปเปอร์เม้าท์"
  
             1. เม้าท์ช่วงเช้า หรือ ช่วงบ่าย
           - เหมาช่วงเช้า (8:00-12:00น.)
           วันละ 5 บาท โทรฟรีเบอร์ดีแทคครั้งละ1 ชั่วโมงทุกครั้งที่โทรออก ส่วนเกินหลังจากนั้นจะคิดเป็นนาทีละ 1.25 บาท       
(กด *103*361# แล้วโทรออก)
      
           - เหมาช่วงบ่าย(13:00-17:00น.)
           วันละ 5 บาท  โทรฟรีเบอร์ดีแทคครั้งละ1 ชั่วโมงทุกครั้งที่โทรออก ส่วนเกินหลังจากนั้นจะคิดเป็นนาทีละ 1.25 บาท       
 (กด  *103*362#  แล้วโทรออก)
*(โทรนอกช่วงเวลาหรือเครือข่ายอื่นคิดค่าโทรตามโปรโมชั่นปัจจุบันที่ใช้งานอยู่)
*โปรฯเสริมนี้สามารถสมัครใหม่ได้ทุกวัน

           2. เม้าท์เหมาวัน
         โทรฟรีเบอร์ดีแทค 5ทุ่ม-5โมงเย็น โทรฟรีครั้งละ1ชั่วโมงทุกครั้งที่โทรออกส่วนเกินนาทีละ 1.25 บาท โทรนอกช่วงเวลาหรือโทรเบอร์อื่นๆ คิดค่าโทรนาทีละ 1.25 บาท
          - เม้าท์ 1 วัน 9 บาท      กด*103*301#
          - เม้าท์ 3 วัน 27 บาท    กด*103*303#
          - เม้าท์ 7 วัน 63 บาท    กด *103*307#
     
   
         3. เม้าท์เหมาวันโทรถูก
           เพียงนาทีละ 10 สตางค์ ในเบอร์ดีแทค 5 ทุ่ม – 5 โมงเย็น โทรนอกช่วงเวลาหรือโทรเบอร์อื่นๆ คิดค่าโทรตามโปรโมชั่นปัจจุบันของคุณ
         
          - เม้าท์ 1 วัน 5 บาท      กด*103*311#
          - เม้าท์ 3 วัน 15 บาท    กด*103*313#
          - เม้าท์ 7 วัน 35 บาท    กด
*103*317#
*ผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติ *1003 กด 3
*เช็กสิทธิ์คงเหลือของแฮปปี้ซูเปอร์เม้าท์ *101*1# หรือ *1001 กด 1
*การโทรออก(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

โปรโมชั่นเสริมที่สอง!!"แฮปปี้เบอร์คนโปรด"
 
-โทรหา1เบอร์คนโปรดในดีแทค นาทีละ 25 สตางค์ ตลอด 24 ชั่วโมง
-โทรหาเบอร์อื่นๆคิดค่าโทรตามโปรโมชั่นปัจจุบันที่ใช้อยู่
-หลังจากครบกำหนดระยะเวลาโปรโมชั่น "เบอร์คนโปรด"
 จะคิดค่าโทรตามโปรโมชั่นปัจจุบันทันที

        เลือกจำนวนวันใช้บริการได้ 3 แบบ
           - แบบ 1 เดือน ค่าสมัครครั้งละ 20 บาท (ปกติ 69 บาท)
                      *103*61*เบอร์มือถือ 10 หลัก#           
           - แบบ 3 เดือน ค่าสมัครครั้งละ 40 บาท (ปกติ 149 บาท)
                      *103*62* เบอร์มือถือ 10 หลัก #
           - แบบ 5 เดือน ค่าสมัครครั้งละ 50 บาท (ปกติ 199 บาท)
                     *103*63* เบอร์มือถือ 10 หลัก#
* หรือผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติ *1003 กด 6
*เช็กแฮปปี้เบอร์คนโปรด *103*6# หรือ *1003 กด 6
*การโทรออก(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)



โปรโมชั่นเสริมที่สาม!!! "แฮปปี้นาทีละ 1.25 บาท"

- โทรทุกเครือข่ายนาทีละ 1.25 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง
- ค่าสมัครครั้งละ 10 บาท
- ช่องทางการสมัคร 
  ภาษาไทย *103*111#  
  ภาษาอังกฤษ *103*111*9#
* หรือผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติกด *1003 แล้วโทรออก
* การโทรออก(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
* sms ละ 3 บาท , mms ละ 5 บาท(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)



โปรโมชั่นเสริมที่สี่!!!!!!  "แฮปปี้บุฟเฟ่ต์กลางวัน"

ค่าโทรในช่วง 30 วันแรก
    - โทรทุกเครือข่าย คิดค่าโทรนาทีละ 1.25 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง คิดเป็นนาที
    - เฉพาะเวลา 05.00 – 16.59 น. โทรเบอร์ดีแทค ไม่คิดค่าบริการ
หลังจากวันที่ 30 ของการใช้บริการเป็นต้นไป
    - โทรเบอร์ดีแทค คิดค่าโทรนาทีแรก 2 บาท ต่อไปนาทีละ 25 สตางค์
    - โทรเบอร์อื่นๆ คิดค่าโทรนาทีละ 1.25 บาท

-ใช้ได้นาน 30 วัน ครั้งละ 199 บาท 
-ช่องทางการสมัคร
     ภาษาไทย *103*100#
     ภาษาอังกฤษ *103*100*9#
*หรือผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติ *1003 แล้วโทรออก
*การโทรออก(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
*sms ละ 3 บาท , mms ละ 5 บาท (ไม่รวมภาษีมุลค่าเพิ่ม)



โปรโมชั่นเสริมที่ห้า!!!!! "แฮปปี้บุฟเฟ่ต์กลางคืน"

ค่าโทรในช่วง 30 วันแรก
- โทรทุกเครือข่าย คิดค่าโทรนาทีละ 1.25 บาท ตลอด 24 ชั่วโมง คิดเป็นนาที
- เฉพาะเวลา 22.00 – 10.59 น. โทรเบอร์ดีแทค ไม่คิดค่าบริการ

หลังจากวันที่ 30 ของการใช้บริการเป็นต้นไป
- โทรเบอร์ดีแทค คิดค่าโทรนาทีแรก 2 บาท ต่อไปนาทีละ 25 สตางค์
- โทรเบอร์อื่นๆ คิดค่าโทรนาทีละ 1.25 บาท

- ใช้ในได้นาน 30 วัน ครั้งละ 159 บาท
- ช่องทางการสมัคร
  ภาษาไทย *103*101#
  ภาษาอังกฤษ *103*101*9#
*หรือผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติ *1003 แล้วโทรออก
*การโทรออก(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
*sms ละ 3 บาท , mms ละ 5 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)